Author: admin

  • “หัตถการเผายา” ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย👩‍⚕️🌿

    เป็นเป็นการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย ปรับสมดุลเลือดลมในท้อง ให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก โดยใช้หลักในการเพิ่มธาตุไฟเข้าสู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ให้ความร้อนผ่านเครื่องยาสมุนไพรในบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะธาตุไฟหย่อน ช่วยการกระจายลม ลดภาวะบวมน้ำ ปรับธาตุในร่างกายให้กลับสู่ภาวะสมดุล 🔶การเผายาบริเวณหน้าท้อง🔶 -แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย -ท้องผูก ไม่มีลมเบ่ง -ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น -ลดเสมหะในทรวงอก แก้นอนกรน -ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน -บรรเทาอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว(แม่หลังคลอด) 🔶เผายาบริเวณหลัง🔶 -ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว -ลดอาการปวดหลัง -ขับลมในข้อต่อ *หรือใช้เน้นรักษาเฉพาะจุด เช่น ข้อมือ หน้าเข่า หลังเข่า ก็ได้เช่นเดียวกัน

  • อาการกรดไหลย้อนในทางแพทย์แผนไทย เกิดจาก 2 สาเหตุ

    1. แบบที่ 1 เกิดจากลมในไส้(ในระบบทางเดินอาหาร) ทำให้มีอาการท้องอืด เฟ้อ เรอ เหม็นเปรี้ยวตามลำดับ บางรายอาจมีแสบร้อนคอ/อก ร่วมด้วย 2. แบบที่ 2 เกิดจากลมนอกไส้(ในท้อง) ทำให้มีอาการท้องอืด แน่นหน้าอก จุกคอ กลืนลำบาก มึนเวียนศีรษะ ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 2 แบบเป็นอาการที่เกิดจากลมเป็นสาเหตุ ทั้งนี้ลมจะเคลื่อนได้จะต้องอาศัยพลังงานหรือไฟในการขับเคลื่อน ซึ่งหากธาตุไฟหย่อนหรือน้อย จะทำให้ลมไม่เคลื่อน เกิดอาการท้องอืด แต่จะไม่ดันขึ้นข้างบน เพราะฉะนั้นควรรักษาโดยการเพิ่มธาตุไฟ จุดไฟย่อย โดยวางยารสร้อนเพื่อไปช่วยกระจายลมที่ค้างอยู่มากในท้อง เพียงเท่านี้อาการท้องอืดก็จะดีขึ้น ในทางกลับกันหากธาตุไฟกำเริบหรือมากเกิน จะทำให้เกิดเป็นลมร้อนพัดตีขึ้นข้างบน ทำให้เกิดอาการ “เฟ้อ” หรือ “แน่นหน้าอก” เมื่อลมร้อนมากขึ้นจะเรื่อยๆ ร่างกายจะหาช่องทางระบายออกโดยจะทำให้เรา “เรอ” ออกมาบ่อยๆ หรือหากเกิดจากลมนอกไส้จะมีอาการ “จุกคอ กลืนลำบาก” ซึ่งถือว่าอันตรายมาก นานวันเข้าลมร้อนจะพัดเอาน้ำย่อยหรือน้ำดีตีขึ้นมาด้วย เกิดอาการเรอเหม็นเปรี้ยว หรือมีน้ำย่อยออกทางปาก กลิ่นออกจมูก กรณีเกิดจากลมในไส้ และจะมีลมตีขึ้นไปบนศีรษะ ทำให้เกิดอาการมึนงงวิงเวียนศีรษะ กรณีเกิดจากลมนอกไส้ โดยการรักษาเหตุจากลมร้อนหรือไฟมากเราจะมีวิธีรักษาดังนี้…

  • 🔶เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ🔶

    สาเหตุของการที่เลือดข้น หรือเลือดจาง ทำให้เลือดไหลเวียนไปไม่สะดวก  สัญญาณบ่งบอกอาการ “เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ” ✅ มึนงง วิงเวียนศีรษะ ✅ วูบบ่อย ✅ นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ง่วงทั้งวัน ✅ วิตกกังวล ความจำไม่ดี ✅ ปวดตึง คอ บ่า ไหล่ ✅ หูอื้อ มีเสียงในหู ✅ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ✅ ประสาทตาเสื่อม เป็นต้อ ซึ่งต้นเหตุอาการต่างๆที่กล่าวมานั้นเกิดจากภาวะเลือดจาง เลือดข้นหนืด หรือไขมันสูง สมองจึงขาดเลือดไปเลี้ยง โดยปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิด ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด เมื่อเริ่มมีอาการเช่นนี้ จะดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างไร 💡 1. งดอาหาร หวาน มัน เค็ม 2. งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ 3. ดื่มน้ำวันละ 3…

  • ภาวะโลหิตจาง นำไปสู่โรคอื่นได้อีกหลายโรค

    เลือดจาง คือภาวะที่เลือดไม่สมบูรณ์ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะภายใน จึงเกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ  เป็นอาการหนึ่ง ที่สามารถเป็นต้นเหตุหรือปัจจัยนำไปสู่โรคอื่นได้อีกหลายโรค ได้แก่ 1.ภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อย สาเหตุที่เลือดจางทำให้เกิดภูมิแพ้ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันสัมพันธ์กับระบบเลือด เมื่อระบบเลือดไม่สมบูรณ์ จึงสามารถเกิดปฏิกิริยาของร่างกายไวต่อสารที่ได้รับเข้าไป เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ แมลง วัชพืช ควันบุหรี่หรือเชื้อรา เป็นต้นค่ะ ซึ่งปกติแล้วสารเหล่านี้จะไม่มีผลอันตรายต่อผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ 2.เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ เนื่องจากปริมาณเลือดที่น้อย ทำให้หลอดเลือดต้องหดตัวเพื่อเพิ่มแรงดันสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมอง และหากหดตัวมากเกินไปจนทางเดินของหลอดเลือดแคบลงก็จะทำให้เกิดเป็นอาการสมองขาดเลือดได้ 3.อัลไซเมอร์ เกิดจากการฝ่อตัวของสมอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและการทำงานของสมองบริเวณนั้น ๆ ผู้ป่วยเลือดจาง และมีภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เส้นเลือดในสมองของผู้ป่วยมักค่อย ๆ ถูกทำลายลง 4.ชาปลายมือปลายเท้า เมื่อเลือดจาง เลือดก็ไม่สามารถไปเลี้ยงประสาทได้ดี จึงทำให้มีอาการชาตามส่วนปลายอวัยวะ 5.อัมพฤกษ์ อัมพาต หากเกิดเส้นเลือดในสมองตีบ ปัญหาที่ตามมานั่นก็คือ อัมพฤกษ์ อัมพาต นั่นเอง 6.ไตเสื่อม ไตอักเสบ เมื่อเลือดจางหรือเลือดน้อย คือเม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ เมื่อเม็ดเลือดแดงและออกซิเจนไม่พอ จะทำให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจนเรื้อรัง ทำให้อวัยวะต่างๆ เสื่อมลงเร็วมาก 7.ปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อต่อ เพราะในทางแพทย์แผนไทยอาการปวดเมื่อยเกิดจากเรื่องของ…

  • โรคไทรอยด์สูง / ไทรอยด์เป็นพิษ

    ในทางแผนไทยโรคไทรอยด์เกิดจาก ‘โลหิตจาง’ มีเม็ดเลือดแดงไม่พอ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและต่อมใต้สมองไม่เพียงพอ ทำให้ต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นต่อมไทรอยด์ผิดปกติ ดังนั้น หากใครที่เป็นไทรอยด์/เคยเป็นไทรอยด์ มักจะมีปัญหาเรื่องของระบบเลือดนั่นเองค่ะ ฮอร์โมนไทรอยด์ควบคุมการเผาผลาญ การใช้พลังงานต่างๆของร่างกาย เพราะฉะนั้น เปรียบเทียบง่ายๆว่าฮอร์โมนไทรอยด์คือธาตุไฟ (ปิตตะ) วิธีสังเกตไทรอยด์แต่ละแบบ ให้จำว่า หากไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป ร่างกายมีความร้อนภายในน้อย/ไทรอยด์จะต่ำ แต่ถ้า มีความร้อนในร่างกายเยอะเกินไป ไทรอยด์จะสูง จนเป็นพิษได้ ซึ่งภาวะไทรอยด์สูง อาการที่มักจะพบ คือ – คอบวม ตาโปน – ประจำเดือนมาน้อยลง – ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก หงุดหงิดง่าย – มือสั่น/ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว/เต้นผิดจังหวะ เหนื่อยง่าย – ผมร่วง เปราะ ขาดง่าย คันผิว ผิวแห้ง – คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว – หิวบ่อย กินเก่ง น้ำหนักลดลง – ไม่มีสมาธิ นอนหลับยาก โดยการรักษาในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน…

  • กินกระเทียมสด ป้องกันสารพัดโรค

    กินกระเทียมสด ป้องกันสารพัดโรค ประโยชน์ของกระเทียม อยู่ในสารอัลลิซิน (Allicin) ซึ่งเป็นสารที่ให้กลิ่นฉุนอันเป็นเอกลักษณ์ที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งสารตัวนี้จะออกฤทธิ์ให้สรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหากรับประทานกระเทียมวันละ 1 หัวเล็ก จะมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย 1.โรคกระเพาะช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ นอกจากนี้ยังช่วยขับลม รักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดีอีกด้วย 2.โรคมะเร็งจากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่กินกระเทียมเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมสดหรือกระเทียมปรุงแล้ว จะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลดลง ผู้วิจัยยังได้รวบรวมงานวิจัยทั่งโลกกว่า 300 ชิ้น เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการกินกระเทียมเป็นประจำ กับการเกิดโรคมะเร็ง ได้ผลว่าสามารถลดการเกิดมะเร็งที่กระเพาะอาหารได้ ร้อยละ 50 และมะเร็งลำไส้ถึงสองในสามอีกด้วย 3.โรคทางเดินหายใจไม่ว่าจะเป็นไอ น้ำมูกไหล หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคไอกรน หอบ หืด โรคหลอดลม กระเทียมเอาอยู่ซึ่งในกระเทียมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่หากเป็นหวัดก็สามารถฝานกระเทียมไปแช่น้ำร้อน แล้วกรองน้ำออกมาดื่ม ชากระเทียมอุ่นๆ จะทำให้หวัดหายเร็วขึ้นด้วย 4.โรคหัวใจนอกจากป้องกันมะเร็งแล้ว จากการวิจัยยังพบอีกว่า กระเทียมมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ เช่นลดปริมาณของคลอเลสเตอรอลในเลือด และผลการศึกษาจากประเทศเยอรมนี ยังระบุอีกว่ากระเทียมช่วยป้องกัน และลดการเกาะตัวของคราบไขมันบริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ โทษของกระเทียม หากกินมากเกินไปกระเทียมมีประโยชน์และสรรพคุณทางยาก็จริง แต่ทุกอย่างก็ต้องตั้งอยู่บนความสมดุล หากกินกระเทียมมากเกินไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน เพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวช้า…